เทศน์เช้า

ตายไม่สูญ

๒๒ มี.ค. ๒๕๔o

 

ตายไม่สูญ
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

เทศน์เช้า วันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๔๐
ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

คนมันไม่เชื่อเรื่องนรก เรื่องสวรรค์ เรื่องทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ภพมีชาติมี มรรคผลมี ถ้าไม่มีศาสนาเราทำไมอยู่ได้ขนาดนี้ เวลาใครมาถามเรื่องนี้เราจะพูดคำแรกเลยว่า ถ้าไม่มีนะ สิ่งที่ทำอันดับแรกเลยคือต้องเผาพระไตรปิฎกทิ้งก่อน เพราะในพระไตรปิฎกบอกไว้มากมายเลยว่า...

โตเทยยพราหมณ์เห็นไหม ตายจากโตเทยยพราหมณ์แล้วไปเกิดเป็นหมา พระพุทธเจ้าชี้บอกลูกโตเทยยพรามณ์เลย ลูกของโตเทยยพราหมณ์นี่ท้าพิสูจน์กันเลยนะ พระพุทธเจ้าท้าพิสูจน์กันเลยนะว่า หมาตัวนี้มันเป็นหมาขี้เหนียว พระพุทธเจ้าไปบิณฑบาต โตเทยยพราหมณ์จะไม่ยอมใส่บาตรเลย เพราะเป็นศาสนาอื่น

พอตายไปแล้วพระพุทธเจ้าสงสารก็ว่าจะได้ลูกไง บิณฑบาตผ่านไปหน้าบ้านหมาออกมาเห่าอีก พระพุทธเจ้าว่าเลย

“โตเทยยพราหมณ์เธอเป็นคนเธอก็ขี้เหนียวนะ เธอตระหนี่นะ เธอเป็นหมายังตระหนี่อีก”

คนใช้มาได้ยิน ไปบอกลูกชาย แค้นมาก หาว่าพ่อเกิดเป็นหมา ตามมาหาพระพุทธเจ้าที่วัด

“พระพุทธเจ้าพูดว่าอย่างนั้นจริงหรือ?”

“จริง จริง”

“แล้วพระพุทธเจ้ารู้ได้อย่างไร”

“เอาอย่างนี้ พิสูจน์กันดีกว่า”

โตเทยยพราหมณ์เพิ่งตายไปแล้วมาเกิดเป็นสุนัข พอเกิดเป็นสุนัขจิตใจมันยังผูกพันกันอยู่ ให้ลูกชายกลับไปที่บ้าน เพราะหมามันเศร้าสลดใจมากเพราะพระพุทธเจ้าว่า จะไปนอนอยู่ที่เตาไฟ ให้ไปเลยนะ เอาข้าวไปเลี้ยง เอาข้าวเอาน้ำไปให้กินให้ได้ดีเลย แล้วให้ลูบหัวแล้วให้เรียกหมาตัวนั้นว่าพ่อ ให้เรียกพ่อเลย

อยู่ในพระไตรปิฎก ให้เรียกพ่อ แล้วให้ถามว่า “พ่อนี่นะ พ่อตายไปแล้วสมบัติที่เอาไปฝังไว้ ฝังไว้ที่ไหน” มันเป็นทองคำไง ห่วงสมบัติก็มาเฝ้า เพราะขี้เหนียวมาก ห่วงทองคำอยู่ในโอ่ง ขอให้ขอ ลูบนะแล้วขอ วิ่งเลย ในพระไตรปิฎกบอก วิ่งเลย หมานี้พอกินมันสลดใจไง วิ่งไปก็ไปตะกุยๆ ดินไง ลูกชายก็สั่งให้ขุด โอ้โฮ! ทองคำทั้งนั้นเลย เป็นไหๆ ฝังไว้ นี่โทษของมัน

นี่พระพุทธเจ้าทำไว้หลายอย่างให้เห็นไง นี่อันนี้ก็มี แล้วพระพุทธเจ้าว่าเป็นพระเวสสันดรเห็นไหม เป็นอะไร เราเคยเป็นนะ เป็นกระต่าย เป็นอะไร เป็นได้หมด แล้วมาก พระโมคคัลลานะขึ้นไปบนสวรรค์เห็นไหม ญาติของใครตายในราชคฤห์ก็ไปเกิดบนสวรรค์ “มี-ไม่มี” พระไตรปิฎกว่าไว้อย่างนั้นนะ

แล้วถ้าอย่างนั้นนะ เริ่มต้นนะ เราต้องเผาตรงนี้ทิ้งก่อน แล้วใครกล้าเผา แต่เวลาใจก็ว่าไม่มี เห็นไหม อันนี้เพราะกิเลสมันขืน ถ้าวิชาการทางโลกนะถ้าอะไรผิดเราจะไปเรียนกันไหม เราก็ต้องเปลี่ยนให้มันถูก แต่วิชาการอันนี้ถูกอยู่ ศาสนธรรมของพระพุทธเจ้านี้ถูกหมดเลย แต่กิเลสมันค้านมากนะ ไม่เชื่อเรื่องนรกเรื่องสวรรค์ พอไม่เชื่อก็เป็นอย่างนี้ เพราะไม่เชื่อว่าตายแล้วก็แล้วกัน พอตายแล้วแล้วกันมันก็ทำลายตัวเองเห็นไหม

คนที่ไม่เชื่อนะ ถ้าเป็นคนดี พื้นฐานดี ก็ไม่เป็นปัญหา ถ้าพื้นฐานเสียหน่อยนะ โกงก็โกงเต็มที่เลย เพราะถือว่าแล้วก็แล้วกันไป ไม่คิดไม่กลัวว่าต้องไปใช้เขา แล้วอีกอย่างหนึ่งนี้ เวลาจนตรอกนี่เห็นไหม ทำลายตัวเองเลย เพราะคิดว่าทำลายตัวเองแล้วหมดเรื่องกันไป ฆ่าตัวเองแล้วหมดเรื่องกันไป แต่ไม่อย่างนั้น

ตายแล้วร่างกายฝังไว้ที่นี่ วัตถุมี แล้ววิญญาณล่ะ แล้วความรู้สึกล่ะ ความรู้สึกมันไม่ตาย ความรู้สึกมันแปรสภาพไป มันเปลี่ยนไป แต่ความรู้สึกอันนั้นเพราะเราทำลายมันเอง เราทำลายตัวเองเพื่อกระทบความรู้สึกไง กระทบเรื่องจิตวิญญาณให้มันตายไป พอตายไป การทำลายตัวเองมากกว่าทำลายคนอื่นนะ การทำลายตัวเองมันบาปมากนะ พอตกไปเต็มที่เลย สภาพอยู่อย่างนั้น

แล้วไอ้ตรงนี้ก็เป็นอยู่อย่างนั้น แผลไอ้พวกไข้ถึงเป็นอยู่อย่างนั้น แล้วไปอยู่อย่างนั้นเลย แล้วไปอยู่ในสภาพแบบนั้น จนกว่าจะหมดอายุขัยของมัน จะไปทุกข์ทรมานอีกมากเลย มากกว่านี้ เพราะอย่างนี้ยังไปหาหมอผ่าได้ ยังไปหาคนช่วยเหลือได้ โลกนี้ช่วยเหลือกันได้ในทางนี้ แต่ช่วยเหลือในเรื่องจิตใจไม่ได้ แต่ตายไปแล้วจิตใจล้วนๆ เลย

ดูอย่างเช่น อย่างที่ว่าไปตกนรก ร้อนแสนร้อนก็ไม่ตาย ร้อนนะ อย่างเรานี้เอาไฟเผาเราจะตายทันทีเลย ไฟเผาผิวหนังเรา เราจะตาย ถ้าตกนรกนี้ไฟนรกมันเผาอยู่อย่างนั้นมันไม่มีตาย ดูอย่างพวกเปรตลอยมาที่เขาคิชฌกูฏ พระโมคคัลลานะเห็น เห็นไหม เขาเป็นคนเชือดหมูขาย เป็นคนเชือดโคขาย ตกนรกไปแล้วผ่านนรกขึ้นมานะแล้วก็มาเป็นเปรตอยู่ ขนหลุดออกไปกลายเป็นเข็มพุ่งเข้ามาทิ่มตัวเอง ร้องโหยหวน แต่ไม่ตาย

ถ้าอย่างพวกเรามันมีร่างกาย ถ้าร่างกายชำรุดต้องตาย เพราะจิตกับกายมันอาศัยกันอยู่ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วตกนรกอยู่ ไฟเผาก็ไม่ตาย เพราะอย่างละลายไปแล้วก็เกิดขึ้นมาใหม่เห็นไหม อย่างที่ภาพวาดไว้ตามผาผนัง ไอ้นั่นภาพวาดไว้เพราะอะไร เพราะต้องมีคนไปเห็นสิ หรือจะว่ามีจินตนาการก็มีส่วน มันจินตนาการนะ

อย่างเช่นที่ว่าเขามาถามไง เรื่องว่าไปสวรรค์อย่างนี้ ทำไมสวรรค์คนจีนแต่งตัวเป็นเจ๊กอย่างนี้ เห็นไหม สวรรค์คนไทยก็แต่งตัวเป็นละครชาตรี อันนั้นเป็นกรรมนิมิต พื้นฐานของคนที่รู้เห็นไง แต่เขาจะไปชาติไหนเขาได้หมดเพราะเขาเป็นทิพย์ ไอ้นี้ก็เหมือนกันที่ว่าภาพวาดๆ มีส่วนถูกมาก แต่ไม่ถูก ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ มีผิดด้วย จะว่าถูกหมดก็ไม่ใช่ แต่มีส่วนถูกมีถึง ?๘๐ เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าเวลาวาดไปมันต้องการให้สวยงามขึ้นมาด้วย นั่นนรกสวรรค์ ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว

ตายแล้วต้องเกิด เกิดมาแล้วต้องตายหมด ไอ้นั้นเราเชื่อ ไอ้นี่มันเป็นพื้นฐานของเราเลยนะ เป็นพื้นฐานของพระพุทธเจ้านะ พื้นฐานของศาสนา พื้นฐานของการบำเพ็ญบารมีไง เป็นพื้นฐานเลย แล้วไม่เชื่อพื้นฐาน ฮื้อฮือ! เพราะเชื่อแล้วคนมันจะทำความดี ถึงอย่างไรมันมีความยับยั้งไง มันมีตัวที่มาเหนี่ยวรั้งไม่ให้ทำเต็มไม้เต็มมือไง มันมีความเสียว มันมีความยอกใจ แต่ถ้าไม่มีตรงนี้เลย มันทำอะไรมันทำเต็มไม้เต็มมือ

ไอ้ที่ว่านรกสวรรค์ไม่มี มันอันตรายตรงนี้ เราไม่ได้ว่าอันตรายที่ว่าเขาไม่เชื่อแล้วเราจะขาดทุนกำไร ไม่ใช่! ไม่ถึงกับขาดทุนกำไร แต่ถ้าคนไหนไม่เชื่อ คนที่ไม่เชื่อนั้นนะคนนั้นเสียประโยชน์ เพราะถ้าคนไม่เชื่อจะทำอะไรก็ได้เต็มไม้เต็มมือเลย ทำตามประสาตัวเองนี้จะทำ กิเลสมันขับไสให้ทำ กิเลสนี่สำคัญมาก

แต่พอเราเชื่อธรรมะนี่เห็นไหม ยับยั้งตรงนี้ มันยับยั้งกิเลสของตัวเอง เพราะมันรู้ว่าถ้าทำไม่ดีมันจะให้ผลกับเรา เราคนตาบอดไง เราต้องเชื่อพระพุทธเจ้า เชื่อศาสนธรรม ตายไปแล้วต้องเกิดอีก ภพมีชาติมี มีเด็ดขาด! อันนี้แค่ตำรานะ เห็นไหม เวลาว่าตำรา เวลาว่าปริยัติเห็นไหม

แล้วเวลาเราปฏิบัติล่ะ เวลาเราปฏิบัติเราถึงจะพูดว่า ปฏิบัตินี้มันแน่นอนกว่า แน่นอนกว่าแบบเช่น เราเอาแต่เครื่องบินนะ เพราะอย่างเรื่องรถนี่เรายังขึ้นไปแล้วจ่ายเงินทีหลังได้ใช่ไหม อย่างตั๋วเครื่องบิน เราต้องมีตั๋วเครื่องบินก่อนเราถึงจะขึ้นเครื่องบินได้ใช่ไหม เราต้องซื้อก่อนแล้วเราต้องจองด้วย มันมีเหตุให้ต้องขึ้นเครื่องบินไง

อันนี้ก็เหมือนกัน ความดีความชั่วมันซับลงที่ใจ แล้วภาวนาไป เห็นขันธ์มันหลุดออกไป ก็เหมือนกับเราเอาตั๋วเครื่องบินมาฉีกทิ้ง ความหลุดออกไปจากใจ เป็นปล้อง ปล้อง ปล้อง ออกไปนะ ความหลุดออกไปจากใจนะ

อย่างเช่น พระโสดาบันอย่างนี้ เวลาขันธ์ ๕ ขันธ์นี้ไม่ใช่เราไง เราไม่ใช่ขันธ์ มันหลุดออกไปล่ะ พระโสดาบันไม่ตกนรกเด็ดขาด เพราะว่ามันมีแต่ไปดีอย่างเดียว มันปิดอบายภูมิเลย ไม่มีทางลงต่ำมีแต่ไปสูง อย่างน้อยเกิดอีก ๗ ชาติ เห็นไหมมันตัดออกไปจากใจเลย ความตัดออกสมุจเฉทปหานขณะปกติ ขณะเห็นปัจจุบัน อันนั้นมันเหมือนเราฉีกตั๋วเครื่องบินทิ้ง

ฉีกเหตุไง เหตุที่จะไปไง ไอ้ที่ว่าไปนั้นเป็นผลนะแต่เหตุมันอยู่ตรงนี้ นี่ภาคปฏิบัติไง แล้วพอขึ้นไปนี่เห็นไหม ขึ้นไป ถ้าสกิทาคามียิ่งจางออกไปอีก ยิ่งพระอนาคามีนี่หมดเลย ไม่ใช่ว่าเหตุธรรมดานะ ทำลายภพอันนั้นไปด้วย

สมมุติว่าอย่างเช่นพวกเราติดคุก เราออกจากคุกมาก็เท่านั้นเอง คุกมันอยู่นั่น แต่พระอนาคามีนี้ทำลายคุกหมดเลย เพราะไม่กลับมาเกิดในกามภพอีกแล้ว เท่ากับว่าออกจากคุกด้วยแล้วทำลายคุกทิ้งด้วย ไม่มีคุกนั้นไว้สำหรับขังเราอีกแล้ว แต่มันไปเกิดเป็นพรหมเท่านั้น นี่มันยันมา ๒ ชั้น ๓ ชั้น แล้วจะมาพูดว่าสวรรค์ไม่มีนรกไม่มีได้อย่างไร แต่ตำราเราเป็นคนตาบอดนะ เราไม่ใช่นักปฏิบัติ เราก็เชื่อตำราไว้ก่อน แต่ถ้าปฏิบัติเข้าไปอันนี้เป็นคุณสมบัติส่วนตัว สมบัติที่เห็นจากภายในเลย

แล้วถ้าเกิดหมุนเข้าไปอีกชั้นหนึ่งนะ พระอรหันต์นี้ไปเลยไม่มีภพไม่มีชาติแล้ว แม้แต่พระอนาคามียังมีพรหมเป็นที่อยู่ ผลไม้แก่แล้วจะสุกไปถ่ายเดียว เห็นไหมนั่นยังมีภพมีชาติอันนั้น แต่คุกนี้ทำลายแล้ว นี่ภาคปฏิบัติ

ตำรานี้มันก็น่ายกย่องอยู่แล้วนะถ้าเชื่อตำรา เพราะตำรานี้มี ๒,๐๐๐ กว่าปีมาแล้ว แล้วอย่างนักปฏิบัตินะ อย่างพวกเรา อย่างกษัตริย์ทุกพระองค์นับถือศาสนาพุทธหมด แล้วอย่างเช่นกษัตริย์องค์ปัจจุบันของเรานี่แหละ เราไปอ่านประวัติของท่านตอนบวชไง ในประวัติก็ถามสมเด็จญาณฯ สมเด็จญาณฯ เป็นพระพี่เลี้ยงว่า “นรกสวรรค์มีไหม” ใหม่ๆ ยังเด็กอยู่ไง ตอนนั้นยังเป็นวัยรุ่นอยู่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้น ตอนนี้มาปฏิบัติเองเลยเห็นไหม พอปฏิบัติเองนี่เข้าใจ

เพราะพูดถึงว่ากษัตริย์ พูดถึงชนชั้นปกครองนี่เขาต้องมีปัญญาสิ แล้วเขายังมีที่ปรึกษา มีโหรหลวง มีอะไร มีคำแนะนำ แล้วจะมาให้พวกเราหลอกได้อย่างไร ถ้าปัญญาเราเชื่อไม่ได้นะ ปัญญาของผู้นำก็น่าจะเชื่อได้ ปัญญาของปราชญ์เดิมๆ มา แล้วปัญญาของพระผู้ปฏิบัติ อย่างครูบาอาจารย์ผ่านมา

ถึงว่าให้เชื่อไง ให้เชื่อเรื่องนรก เรื่องสวรรค์ แล้วมันเป็นอย่างนี้ซะมากเลย ถ้าใครบอกว่าเชื่อแล้วมันน่าขายหน้านะ อย่างเช่น วันนั้นมาเห็นไหม อย่างโยมคนนั้น เขามาทั้งหมดเลย เขาก็ถามเรื่องนี้ ถามแค่นี้ “เออ สวรรค์มีไหม หลวงพี่เป็นไปได้จริงไหม” เราก็เทศน์คำนี้เหมือนกัน เพราะเราพูดกับพวกนี้เราต้องพูดแบบจริงจังไง

เราบอกว่า “อันดับแรกต้องเผาพระไตรปิฎกทิ้งก่อน” ว่าอย่างนั้นเลยนะ ทุกคนเลย อันดับแรกต้องเผาตรงนี้ทิ้งก่อนเพราะในนี้ชี้ไปเรื่องนั้นหมด อันดับแรกถ้าไม่เชื่อต้องเผาอันนี้ทิ้งก่อน แล้วใครกล้าเผาทิ้ง ก็เหมือนแผนที่มันชี้ไปอย่างนั้นเลย แล้วถ้าไม่เชื่อเราต้องทำลายแผนที่ก่อน แล้วนี่แผนที่มันมีอยู่อย่างนั้น แล้วเราไม่เชื่อได้อย่างไร แล้วก็อธิบายเป็นเหตุผลไปเหตุผลมานะ จนบอกว่า เอ่อ น่าเชื่อถือ พอฟังได้ เขาว่าฟังได้

นี้เพียงแต่ว่าโลกเขาไม่เชื่อไง เพราะว่าวิทยาศาสตร์พิสูจน์มา เรายังคิดเลยไอ้โคลนนิ่งๆ เรายังคิดเลยนะ เมื่อก่อนเราเชื่อมากเรื่องไข่ใช่ไหม เพราะว่าเกิดในครรภ์ใช่ไหม แต่นี้ก็ยังเกิดในครรภ์อยู่ เพราะว่าเอาดีเอ็นเอมา แต่ดีเอ็นเอนี้มันไม่ใช่เชื้อนี่ มันไม่ใช่ตัวปฏิสนธินี่ ใช่ไหม เป็นดีเอ็นเอใช่ไหม อย่างนี้มันก็เอาชีวิตของพ่อไปผสมกับไข่ของแม่ แล้วก็ไปเพาะไปฝากไว้ในนั้นอยู่ก็เกิดในครรภ์ แต่เราก็หมุนออกมา มันจะไปค้านนิดหนึ่ง ไม่ใช่ค้านหลักนะ ค้านปลีกย่อย

ตามหลักใครอยากรวยต้องทำทาน ใครอยากสวยอยากงามต้องถือศีลไง แต่ตอนนี้ถ้าใครอยากสวยอยากงามไม่ต้องถือศีลแล้ว มันโคลนนิ่งออกมาให้สวยขนาดไหนก็ได้ เออ อันนี้ก็แปลกดีนะ

แต่! แต่อันนี้มันเป็นวิชาการยังไม่ได้ทำ เรายังค้านอยู่ เราเชื่อหลักพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าพูดไม่มีสอง ไม่เคยเชื่อเลยว่าพระพุทธเจ้าพูดผิด ไม่เชื่อ! เพราะไอ้ทำกิ๊ฟนี่นะ ไอ้เรื่องหลอดแก้วนะ ๓๐ กว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จะเกิด ไม่มีทาง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เห็นไหมกรรมมาตัดรอน

อันนี้ก็เหมือนกัน เรายังไม่เชื่อ เราไม่เชื่อหรอก เราเชื่อพระพุทธเจ้า เกิด ๔ อย่าง เกิดในไข่ เกิดในครรภ์ เกิดในโอปปาติกะ เกิดในน้ำคร่ำ พระพุทธเจ้าว่าเกิดมี ๔ อย่างนี้เท่านั้น แล้ว ๔ อย่างนี้เกิดอย่างไร บอกว่ากรรมเกิดด้วย การเกิดไปดูได้ เกิดในครรภ์นี้กี่วันถึงจะเลื่อนเป็นตัวอ่อน กี่วันถึงจะมีแขนมีขา พระพุทธเจ้าบอกหมดนะ แต่พวกเราไม่ได้เรียนรายละเอียดลงไปตรงนั้นไง

แต่อย่างไรก็แล้วแต่มันก็ต้องเอาไปฝากไว้ในนั้น แล้วอาจจะไม่ได้ทำด้วย นี่พูดถึงพระพุทธเจ้าพูด เราไม่เชื่อ วิทยาศาสตร์ก็วิทยาศาสตร์ไปเถอะ เพราะถึงอย่างไรแล้วมันก็ยังมาทำไม่ได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ใช่ไหม อย่างพวกทำกิ๊ฟนี่นะ ไม่ได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ หมอบอกว่า ๓๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

โยม: พูดถึงใบไม้

หลวงพ่อ: ใบไม้ในกำมือ ใช่ไหม

โยม: อันนี้ผ่านสวน ท่านไม่พูดถึงแล้ว ถ้าพูดไปเดี๋ยวคนเขาหัวแตก คนเขาไม่เชื่อ

หลวงพ่อ: นั่นแหละ ไม่เชื่อ ไอ้นั้นอีกส่วนหนึ่ง อันนั้นก็เป็นส่วนๆ หนึ่ง แต่เราก็ไม่เชื่อนะ เราไม่เชื่อ เกิดนี้มี ๔ อย่าง แต่ไอ้นี้มันปลีกย่อยไง เหมือนกรรมไง กรรม กรรมการกระทำนะ กรรม แต่อจินไตย ๔ ไง อจินไตยใช่ไหม อจินไตยที่ว่าเรามาพูดแล้วหัวแตกใช่ไหม อจินไตย เรื่องโลก เรื่องฌาน เรื่องกรรม พุทธวิสัยไงว่าปัญญาพระพุทธเจ้านี้ ไอ้เรื่องนี้อจินไตยหมายถึงว่าไม่มีที่สิ้นสุด จะเอายกมานี่ไม่มีที่สิ้นสุด ไปได้ตลอดเลย (เทปสิ้นสุดเพียงเท่านี้)